เรื่องความหมายของตัวอักษรบนป้ายทะเบียนรถเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ ไม่ได้มาจากการสุ่มอย่างแน่นอน และยังมีข้อกำหนดว่าตัวอักษรบางตัวห้ามนำมาใช้ด้วยเหตุผลหลายประการ
ความหมายของตัวอักษรบนป้ายทะเบียนรถ (สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ในปัจจุบัน):
- ตัวอักษรตัวแรก: บ่งบอกถึงประเภทของรถยนต์ เช่น
- ก: รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (ป้ายพื้นขาว ตัวอักษรดำ)
- ข: รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (ป้ายพื้นขาว ตัวอักษรน้ำเงิน)
- ค: รถยนต์บรรทุกขนาดสี่ล้อเล็ก (ป้ายพื้นขาว ตัวอักษรเขียว)
- ง: รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล (ป้ายพื้นขาว ตัวอักษรแดง)
- จ: รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายพื้นขาว ตัวอักษรดำ)
- และยังมีตัวอักษรอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงประเภทรถที่แตกต่างกันไป เช่น รถยนต์รับจ้าง, รถยนต์ให้เช่า, รถยนต์ของหน่วยงานราชการ เป็นต้น
- ตัวอักษรตัวที่สอง: มักจะมีความหมายที่เชื่อมโยงกับจังหวัดที่จดทะเบียนรถยนต์ในอดีต (ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเพื่อให้มีเลขทะเบียนเพียงพอ) เช่น
- กท: กรุงเทพมหานคร
- ชม: เชียงใหม่
- บร: บุรีรัมย์
- ชบ: ชลบุรี
- เป็นต้น
- ตัวอักษรสองตัวสุดท้าย: ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว มักจะเป็นตัวอักษรที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อเพิ่มจำนวนเลขทะเบียนให้เพียงพอต่อการใช้งาน
ตัวอักษรที่ห้ามใช้บนป้ายทะเบียนรถ:
มีตัวอักษรบางตัวที่ถูกกำหนดไว้ว่าห้ามนำมาใช้ในการประมูลหรือใช้ทั่วไปบนป้ายทะเบียนรถ เนื่องจากเหตุผลต่างๆ ดังนี้:
- ตัวอักษรที่มีลักษณะคล้ายตัวเลข: เช่น “ญ” (คล้ายเลข 3), “ฎ” (คล้ายเลข 8), “บ” (คล้ายเลข 8), “ศ” (คล้ายเลข 5), “ษ” (คล้ายเลข 5), “ส” (คล้ายเลข 5) เพื่อป้องกันความสับสนในการจดจำและการตรวจสอบ
- ตัวอักษรที่มีความหมายไม่เหมาะสม หรืออาจสื่อไปในทางลบ: ถึงแม้จะไม่มีการระบุอย่างชัดเจน แต่กรมการขนส่งทางบกจะพิจารณาความเหมาะสมของตัวอักษรที่นำมาใช้ในการประมูลเป็นกรณีไป เพื่อหลีกเลี่ยงคำหรือตัวอักษรที่อาจดูหมิ่นผู้อื่น หรือมีความหมายที่ไม่เป็นมงคล
ความสำคัญของการรู้ความหมาย:
การทราบความหมายของตัวอักษรบนป้ายทะเบียนรถช่วยให้เราเข้าใจถึงประเภทของรถยนต์ และในอดีตยังสามารถบ่งบอกถึงจังหวัดที่รถคันนั้นจดทะเบียนได้อีกด้วย นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงตัวอักษรที่ห้ามใช้ก็เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนรถ