ยางรถยนต์ 1 เส้นจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี หรือระยะทางวิ่งประมาณ 40,000 – 50,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะถึงก่อน
อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานของยางรถยนต์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาหรือระยะทางเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของยางด้วย เช่น:
- สภาพการใช้งาน: การขับขี่ในสภาพถนนที่ขรุขระ บรรทุกน้ำหนักมาก หรือขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นประจำ จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- การดูแลรักษา: การไม่เติมลมยางให้ถูกต้องสม่ำเสมอ การไม่สลับยาง หรือการปล่อยปละละเลยไม่ตรวจสอบสภาพยาง ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร
- สภาพแวดล้อม: อุณหภูมิที่สูง แสงแดดจัด และความชื้น ก็มีผลต่อการเสื่อมสภาพของเนื้อยาง
สัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์แล้ว:
- ยางมีอายุเกิน 5 ปี: แม้ดอกยางจะยังดูดีอยู่ แต่เนื้อยางจะเริ่มแข็งกระด้างและเสื่อมสภาพตามอายุ ทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลง
- ดอกยางสึกถึงสะพานยาง: บนหน้ายางจะมีสะพานยางเล็กๆ เป็นตัวบ่งชี้ หากดอกยางสึกเรียบเสมอกับสะพานยาง แสดงว่าดอกยางเหลือน้อยเกินไป ไม่ปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะบนถนนเปียก
- แก้มยางมีรอยแตกร้าว บวม หรือฉีกขาด: ร่องรอยเหล่านี้แสดงว่าโครงสร้างยางเสียหาย อาจนำไปสู่การระเบิดของยางได้
- รถมีอาการสั่นผิดปกติ หรือควบคุมยาก: อาการเหล่านี้อาจเกิดจากยางเสื่อมสภาพ ไม่กลม หรือโครงสร้างภายในเสียหาย
- เติมลมยางบ่อยกว่าปกติ: อาจเป็นสัญญาณว่ายางรั่วซึม หรือเนื้อยางไม่สามารถเก็บลมได้ดีเหมือนเดิม
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- ควรตรวจสอบสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละครั้ง รวมถึงก่อนและหลังการเดินทางไกล
- ดูวันเดือนปีที่ผลิตของยาง (DOT Code) ที่แก้มยาง เพื่อประเมินอายุการใช้งาน
- สลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ
- เติมลมยางให้ถูกต้องตามมาตรฐาน ที่ระบุไว้ในคู่มือรถยนต์หรือบริเวณขอบประตู
- เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยาง ควรเลือกยางที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งาน